ที่มาและความเป็นมา

หลักการและเหตุผล
         เศรษฐกิจชุมชนเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเป็นพื้นที่ที่ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ เช่น การผลิต การค้า การบริการ การจ้างงาน การสร้างรายได้ และความมั่นคงทางอาหาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจชุมชนในปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคหลายประการ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันจากภายนอก ความไม่สมดุลของโครงสร้างเศรษฐกิจ ฯลฯ ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชุมชนอ่อนแอลงและไม่สามารถแข่งขันได้ งานวิจัยและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจชุมชน เนื่องจากสามารถช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เศรษฐกิจชุมชนกำลังเผชิญได้
         งานวิจัยและนวัตกรรมสามารถช่วยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น เทคโนโลยีการเกษตรที่ทนทานต่อสภาพอากาศแปรปรวน เทคโนโลยีพลังงานทดแทน การลดการแข่งขันจากภายนอก งานวิจัยและนวัตกรรมสามารถช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค เช่น การพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์ การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจชุมชน งานวิจัยและนวัตกรรมสามารถช่วยพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้มีความหลากหลายและยั่งยืน เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนสีเขียว การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานวัฒนธรรม ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม โดยแนวทางการขับเคลื่อนที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาระบบการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อชุมชน ภาครัฐควรมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาระบบการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อชุมชน โดยจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็น รวมถึงสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม การสร้างเครือข่ายการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อชุมชน การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อชุมชนควรเกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน โดยการสร้างเครือข่ายการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อชุมชนจะช่วยเชื่อมโยงและประสานความร่วมมือระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อชุมชน ภาครัฐควรมีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อชุมชน โดยพัฒนากลไกและมาตรการต่างๆ เพื่อให้สามารถนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนจะช่วยกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่ง BCG Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) เป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การลดมลพิษ และการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว โดยเป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนให้มีศักยภาพในการพัฒนา ด้วยการใช้ทรัพยากรท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความร่วมมือของคนในชุมชนที่จะพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยเพิ่มมูลค่า เช่น การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการของชุมชน เป็นต้น
         มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีความโดดเด่นและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มายาวนาน ตามคำนิยม ที่กล่าวว่า N E U (ดี เก่ง มีจิตสาธารณะ) N : Nurturing Merit Principles (ดี) ความมีคุณธรรม E : Excellence (เก่ง) ความเป็นเลิศในการผลิตบัณฑิต วิชาการ วิจัย และศิลปวัฒนธรรม และ U : United Publicness (จิตสาธารณะ) ความมีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม และเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน ซึ่งในปี 2567 นี้ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับความร่วมมือกับสถาบันเจ้าภาพร่วม ในการประชุมวิชาการและการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 11 และระดับนานาชาติ ครั้งที่ 9 ขึ้น ภายใต้ชื่อเรื่อง “การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนด้วย BCG model (The Development of Community Economy with BCG Model)” เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพงานวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการพัฒนาประเทศ และเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการวิจัย ระหว่างนักศึกษา อาจารย์นักวิจัย และนักวิชาการ ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการร่วมกัน มุ่งสู่การสร้างองค์ความรู้และการนำผลการวิจัยและนวัตกรรมไปประยุกต์ใช้สู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจชุมชนด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมซึ่งเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจชุมชน โดยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

วัตถุประสงค์
    1 เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ที่เกิดจากผลงานวิจัยและนวัตกรรมจากสถาบันการศึกษาของรัฐและเอกชนในระดับชาติและนานาชาติ
    2 เพื่อเป็นเวทีให้มีการนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่สาธารณชนและการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ระหว่างผู้ทำวิจัยและผู้สนใจทั่วไปในระดับชาติและนานาชาติ